การสมัครงาน เป็นขั้นตอนหนึ่งที่โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษามักไม่มีสอน ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้สอนในระบบส่วนมาก ไม่เคยมีประสบการณ์สมัครงานด้วยตัวเองมาก่อน เนื่องจากอาชีพครูผู้สอนมักมาจากการสอบแข่งขัน จึงไม่มีประสบการร์ตรงและได้แต่ ถ่ายทอดวิธีสมัครงานตามที่ฟังมาจากคนอื่น

การสมัครงานต่างจากการสอบแข่งขันยังไง

การสอบแข่งขันจะมีการกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการในเชิงปริมาณอย่างชัดเจน ต่างกับการ สมัครงานโดยตรงที่ผู้รับสมัครจำนวนมาก ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบริษัทของตนต้องการคน แบบไหน กระบวนการคัดเลือกจึงเป็นมากกว่าการวัดกันด้วยปริมาณคะแนนที่ทำได้

เริ่มต้นที่ Resume

resume (เรซูเม่) คือ ส่วนประกอบหลักที่ผู้รับสมัครใช้ตัดสินใจในการคัดเลือกเบื้อง ต้น โดยคนจำนวนมากมักเข้าใจผิดว่าผู้รับสมัครงานต้องการรู้จักตัวตนทุกด้านของตน ลักษณะของ resume จำนวนมากในตลาดรับสมัครงานจึงเต็มไปด้วยข้อมูลที่ผู้รับสมัคร ไม่ได้มองหา เช่น งานอดิเรก กิจกรรมนอกเวลาที่ชอบ ข้อมูลการอบรมที่ไม่เกี่ยวข้อง กับตำแหน่งงาน

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนเป็นลำดับแรกของการเขียน resume คือ ปลายทางที่อ่านเป็นคน ที่ต้องการคนแบบไหนมาทำงานด้วย โดยก่อนจะเริ่มเขียนควรจะอ่านรายละเอียดของงาน (Job Description) ให้ละเอียดและความเข้าใจก่อน จากนั้นจึงเขียนสิ่งที่รายละเอียด ของงานต้องการลงไปใน resume

ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อย คือ ใส่ประสบการณ์และความสามารถไม่ชัดเจน

คุณสมบัติ: สามารถใช้โปรแกรม MS word ได้เป็นอย่างดี

ยกตัวอย่าง เช่น หากในรายละเอียดของงานมีส่วนที่ขอให้ผู้สมัครมีประสบการณ์ใช้ program MS word ผู้สมัครควรใส่รายละเอียดของประสบการณ์ที่เคยใช้ MS word มาก่อน แต่ส่วนมากแล้ว มักจะใส่เพียงแค่

ประสบการณ์: ใช้ MS word มา 3 ปี

การใส่ข้อความเพียงเท่านี้ ทำให้ผู้รับสมัครรู้เพียงแค่ว่าผู้สมัครเคยใช้ครั้งแรก เมื่อ 3 ปีก่อน หรือเคยใช้มา 3 ปี โดยไม่รู้เลยว่าผู้สมัครเคยใช้ MS word ทำอะไร และจะตรงกับความต้องการหรือไม่ หรืออีกแบบที่เห็นได้บ่อยก็คือ

ประสบการณ์: ความสามารถในการใช้ MS word 4/5 คะแนน

การใส่เพียงแค่ คะแนนที่ไม่ได้บอกว่า 3/5 ทำอะไรได้บ้าง 5/5 ทำอะไรได้บ้าง ก็ยากที่จะบอกได้ว่าความสามารถของผู้สมัครที่มีคะแนน 4/5 จะตรงกับความต้องการหรือไม่

ตัวอย่างการลงรายละเอียดของความสามารถ

ประสบการณ์: ใช้ MS word 3 ปี

เป็นผู้จัดทำรูปแบบรายงานประจำปี ซึ่งต้องมีรูปแบบถูกต้องตามแบบของราชการ โดยความรับผิดชอบหลักของการใช้งาน MS word คือ การสรุปข้อมูลจากรายงานของ แผนกต่างๆเป็นรูปแบบของเล่มรายงานเพื่อนำเสนอผู้บังคับบัญชา และใช้ประกอบการ ประชุมของผู้บริหาร

รายละเอียดที่ชัดเจนนอกจากจะบอกถึงความสามารถในด้านที่อธิบายแล้ว ยังบอกได้ถึง ความสามารถในการเขียนเรียบเรียง จับประเด็นของผู้สมัครเอง

แต่การใส่รายละเอียดจะเปลืองหน้ากระดาษ ?

การใส่ข้อมูลรายละเอียดให้เพียงพอต่อการพิจารณามักจะไม่เกิน 1-2 หน้ากระดาษ แต่หาก มีความรู้สึกว่าควรจะใส่เพิ่มจริงๆ ควรเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่คิดว่าผู้รับ สมัครต้องการที่สุดให้อยู่ด้านบนก่อน

ใส่รายละเอียดแล้วก็ยังไม่ได้รับการตอบรับอยู่ดี

เพราะการสมัครงาน ไม่ใช่การวัดคะแนนสูงต่ำ หากเราใส่รายละเอียดดีแล้ว ก็อาจจะเป็น ไปได้ว่าความต้องการของผู้รับสมัคร ไม่ตรงกับประสบการณ์ที่ผู้สมัครมี ในกรณีที่มี การตอบรับด้วยการปฏิเสธแล้ว ควรสอบถามเพิ่มเติมถึงสาเหตุของการปฏิเสธเพื่อนำมา เป็นบทเรียนในการพัฒนาตนเองต่อไป

เน้น resume ที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ

เพราะการสมัครงานยุคนี้สามารถทำได้ง่ายเพียงแค่ใช้การคลิ้กหรือใช้มือถือส่งอีเมล เท่านั้น ผู้สมัครจำนวนมากจึงใช้วิธีส่ง resume ออกเป็นจำนวนมากและหวังที่จะได้รับ การตอบรับ เพียงแค่เล็กน้อยของที่ส่งออกไป เช่น 1 ใน 100

แต่การสมัครงานไม่ใช่การเสี่ยงดวง และไม่ควรนำมาปนกัน เพราะ resume ที่ทำขึ้นเพื่อ ให้เข้ากับคุณสมบัติของหลายบริษัท มักจะขาดรายละเอียดและถูกมองข้ามโดยทันที และ การวัดคุณสมบัติของผู้สมัครจากคุณภาพของ resume เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก

คำแนะนำ คือ หากต้องการ focus กับคุณภาพของการสมัครงานโดยรวม การเลือกบริษัทที่ ต้องการไม่เกิน 4-5 บริษัทแล้วตั้งใจเขียน resume ตามรายละเอียดที่แต่ล่ะบริษัท ประกาศเอาไว้ จะทำให้ผู้สมัครไม่เสียเวลามากเกินไปและยังคงคุณภาพของ resume ไว้ได้